ใกล้จะสิ้นปีกันอีกแล้วสินะ ชาว Digital Marketing เป็นอย่างไรกันบ้าง เตรียมตัวรับมือกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นปีหน้ากันแล้วหรือยัง อย่างที่เรารู้กันดีว่าเทรนด์ของ social media เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เรียกว่าต้องเช็คกันแบบ Realtime ถ้าอยากเป็นนักการตลาด social media ที่ดีต้องหูไว ตาไว และมีการวางแผนที่ดี มาเริ่มเตรียมตัววางแผนกลยุทธ์การตลาด social media ที่ควรใช้ในปีหน้ากันดีกว่า
1. ตั้งเป้าหมายที่เหมาะสมกับธุรกิจในช่วงเวลานั้น
ตอบคำถามให้ได้ก่อนว่า “แบรนด์ต้องการอะไรจากโซเชียลมีเดีย” การวางแผนกลยุทธ์โซเชียลมีเดียเริ่มต้นด้วยเป้าหมาย ซึ่งเป้าหมายที่พบบ่อยที่สุดสำหรับโซเชียลมีเดียคือการเพิ่มการรับรู้ถึงแบรนด์ (58%) และเพิ่มการมีส่วนร่วม (41%) ไม่ว่าเป้าหมายจะเป็นความต้องการสร้างผู้ติดตามที่ใหญ่เพิ่มขึ้น หรือเพิ่มการมีส่วนร่วมที่มากขึ้น การสละเวลาเพื่อกำหนดเป้าหมายทาง social media ถือเป็นขั้นตอนแรกในการบรรลุเป้าหมายไม่ว่าจะวางกลยุทธ์แบบใดก็ตาม เพราะเป้าหมายจะช่วยกำหนดกลยุทธ์การตลาดบนโซเชียลมีเดีย และเวลา รวมถึงแรงกายที่คุณต้องทุ่มเทให้กับแคมเปญของแบรนด์
• เพิ่มการรับรู้แบรนด์
สร้างการรับรู้ถึงแบรนด์ที่แท้จริงและยั่งยืน ให้หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อความส่งเสริมการขายเพียงอย่างเดียว ให้เน้นที่เนื้อหาที่เน้นบุคลิกภาพและค่านิยมของคุณก่อน • สร้างโอกาสในการขาย ด้วยข้อเสนอพิเศษสำหรับผู้ติดตาม ไม่ว่าจะออนไลน์ ออฟไลน์ หรือโดยตรงผ่านโปรไฟล์โซเชียลของแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นการแจ้งเตือนลูกค้าเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และโปรโมชันใหม่
• เพิ่มจำนวนการเข้าชมแบรนด์
การทำให้กลุ่มเป้าหมายกลายมาเป็นลูกค้า รวมถึงการหาวิธีแนะนำแบรนด์ของคุณให้กับผู้ที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน ซึ่งการเพิ่มจำนวนผู้ชมยังหมายถึงการได้ข้อมูลที่เกี่ยวกับสิ่งที่คนกำลังพูดถึงเกี่ยวกับธุรกิจ สิ่งที่สำคัญของโซเชียลมีเดียคือ keyword หรือแฮชแท็กเฉพาะ ที่จะช่วยให้ขยายกลุ่มเป้าหมายหลักได้เร็วขึ้น
• เพิ่มการมีส่วนร่วม
จากข้อมูลดัชนีแสดงให้เห็นว่า 46% ของผู้บริโภคมองว่าแบรนด์ที่น่าเชื่อถือคือแบรนด์ที่มีการมีส่วนร่วมเยอะ โดยสามารถใช้ Content เป็นตัวดึงดูด และแฮชแท็กที่ หรือแม้แต่เรื่องง่ายๆ อย่างการถามคำถามก็สามารถเพิ่มอัตราการมีส่วนร่วมของแบรนด์ได้
• กระตุ้นการเข้าชมเว็บไซต์
ไม่ว่าจะเป็นการโพสต์ส่งเสริมการขาย หรือโฆษณา Conversion และการคลิก URL ก็จะสามารถช่วยให้แบรนด์กำหนด ROI จากโซเชียลมีเดียได้ดียิ่งขึ้น ให้วางกลยุทธ์การตลาดบนโซเชียลมีเดียแบบเรียบง่ายไม่ซับซ้อน โดยไม่ต้องมีวัตถุประสงค์ที่เยอะมากเกินไป
2. ใช้เวลาในการค้นคว้ากลุ่มเป้าหมายของคุณ
การใช้ข้อมูลโซเชียลมีเดียเพื่อทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายให้ดีขึ้น ต้องรู้ก่อนว่าอะไรจะมีอิทธิพลต่อกลยุทธ์การตลาดโซเชียลมีเดีย เครื่องมือไหนที่เหมาะสม ซึ่งจะช่วยให้นักการตลาดสามารถหาข้อมูลของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว ไม่จำเป็นต้องมีการวิจัยตลาดอย่างเป็นทางการ หรือวิทยาศาสตร์ข้อมูล
แพลตฟอร์มต่างกันก็จะดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน
• Facebook และ YouTube เป็นแพลตฟอร์มหลักสำหรับโฆษณาอันเนื่องมาจากฐานผู้ใช้ที่มีรายได้สูง
• โซเชียลเน็ตเวิร์กอันดับต้นๆ ในกลุ่ม Millennials และ Gen Z ได้แก่ Instagram และ YouTube แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเนื้อหาที่โดดเด่นสะดุดตา
3. สร้างตัวชี้วัดและ KPI ที่สำคัญที่สุด
• การเข้าถึง การเข้าถึงโพสต์คือจำนวนผู้ใช้ที่ไม่ซ้ำที่เห็นโพสต์ของแบรนด์
• คลิก จำนวนการคลิกบนเนื้อหา หรือบัญชี ซึ่งจำนวนคลิกต่อแคมเปญมีความสำคัญต่อการทำความเข้าใจว่าอะไรกระตุ้นความอยากรู้ หรือกระตุ้นให้ผู้คนซื้อ
• Engagement จำนวนการโต้ตอบทั้งหมดหารด้วยจำนวนการแสดงผล สิ่งนี้ทำให้รู้ว่ากลุ่มเป้าหมายรับรู้ และการโต้ตอบที่ดี
• #แฮชแท็ก แฮชแท็กที่ใช้บ่อยที่สุดคืออะไร ? แฮชแท็กใดที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์มากที่สุด การมีคำตอบนี้จะสามารถช่วยกำหนดจุดเด่นของ Content ได้
• Organic and paid likes นอกเหนือจากจำนวนไลค์มาตรฐาน การโต้ตอบแบบชำระเงิน หรือแบบออร์แกนิก ก็สามารถใช้พิจารณาการมีส่วนร่วมที่มีผลต่อกลยุทธ์ได้ หลายแบรนด์จึงใช้การโฆษณา การทราบความแตกต่างเหล่านี้จะช่วยให้จัดงบประมาณทั้งค่าโฆษณา และการลงทุนในรูปแบบต่างๆ ได้
• ความเข้าใจ จะเป็นการวัดว่ากลุ่มเป้าหมายตอบสนองต่อ content ของแบรนด์ หรือแฮชแท็กอย่างไรบ้างลูกค้าจะให้คำตอบได้ว่าแคมเปญเหมาะสมกับแบรนด์หรือไม่ อารมณ์แบบไหนที่จะดึงดูดกลุ่มเป้าหมายให้เชื่อมโยงกับแฮชแท็ก และแคมเปญ การเจาะลึก และค้นหาว่ากลุ่มเป้าหมายพูดถึง หรือรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับแบรนด์มีผลที่ดีต่อการเปลี่ยนแปลง
4. สร้างโพสต์ที่เน้น engaging
กลยุทธ์ทางการตลาดมักขึ้นอยู่กับ content จึงควรต้องมีการวางแผนที่ดีพอสมควรว่าจะโพสต์อะไร โดยพิจารณาจากกลุ่มเป้าหมาย ผู้เยี่ยมชม และนำเอกลักษณ์ของแบรนด์ให้ได้มากที่สุด
Content ideas ในปีหน้า 2022
• โพสต์แบบ story ที่เล่นกับอารมณ์ Story เป็นโพสต์แบบ Realtime ที่สามารถเข้าถึง FOMO ของผู้ติดตามได้ง่าย เนื้อหาสไตล์ vdo story สามารถ creat ได้หลากหลายไม่ว่าจะเป้นการตั้งโพล , ถามคำถาม , ส่งข้อความ หรือส่งอีโมจิต่าง ๆ เพื่อการมีส่วนร่วมกับ story
• วิดีโอแบบสั้น นักการตลาด 54 เปอร์เซ็นต์กล่าวว่าวิดีโอเป็นประเภทเนื้อหาที่มีค่าที่สุดสำหรับการบรรลุเป้าหมายทางสังคมและด้วยเหตุผลที่ดี วิดีโอโซเชียลกำลังเฟื่องฟู โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ TikTok และ Instagram Reels ที่เพิ่มขึ้น ทั้งการผลิตแบบยาวและแบบสั้นยังคงครองพื้นที่โซเชียลในทุกแพลตฟอร์มเนื่องจากอัตราการมีส่วนร่วมที่สูง
• อวดความเป็นส่วนตัวให้คนอื่นสนใจ สิ่งสำคัญอย่างยิ่งเมื่อเรา (ในที่สุด) ออกมาจาก COVID-19 ทั้งเนื้อหาส่วนบุคคลและส่วนบุคคลควรเป็นรากฐานที่สำคัญของกลยุทธ์การตลาดโซเชียลมีเดียของคุณ อย่ากลัวที่จะเตือนผู้ติดตามคนที่อยู่เบื้องหลังโพสต์ของคุณ
5. สร้างสถานะทางสังคมแบบ Realtime
ความทันเวลามีความสำคัญมากกว่าที่เคยเป็นมาสำหรับนักการตลาด คุณไม่เพียงแต่คาดหวังที่จะนำเสนอเนื้อหาที่สดใหม่เป็นประจำ แต่ยัง "พร้อม" สำหรับผู้ติดตามของคุณอยู่เสมอ แต่คุณไม่สามารถคาดหวังให้ลูกค้าใช้นาฬิกาของคุณได้ตลอดเวลา ความทันท่วงทีเป็นสิ่งที่สำคัญมากเมื่อคุณขาดแคลนทรัพยากรหรือเป็นส่วนหนึ่งของทีมเล็กๆ มาดูแนวคิดบางอย่างเพื่อเพิ่มตารางเวลาและใช้เวลากับโซเชียลให้ดีที่สุด
โพสต์ในช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะมีส่วนร่วม
6. ประเมินผลลัพธ์ทั้งหมด
หากแบรนด์เริ่มเข้าใจในภาพรวมเกี่ยวกับกลยุทธ์ของโซเชียลมีเดียแล้ว สิ่งสำคัญคือแบรนด์จะต้องปรับกลยุทธ์ทางการตลาดอยู่ตลอดทั้งปี หากไม่มีการวิเคราะห์อย่างต่อเนื่องจะไม่มีทางรู้เลยว่าแคมเปญหนึ่งแคมเปญทำอะไรได้บ้าง ได้ให้ผลลัพธ์อะไร ปฏิเสธไม่ได้ว่าโซเชียลมีเดียเป็นเรื่องของการลองผิดลองถูก การตรวจสอบแคมเปญในแบบเรียลไทม์จะทำให้แบรนด์สามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การตลาดโซเชียลมีเดียได้ และสามารถประเมินได้เพิ่มขึ้นว่า KPI ไต่ระดับไปถึงเป้าหมายของบริษัทที่ต้องการแล้วหรือไม่ และจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงหรือไม่
ในสภาพแวดล้อมที่มีการแข่งขันด้าน Digital Marketing สูง การมีกลยุทธ์ที่รอบคอบจะช่วยให้แบรนด์มีจุดเด่นที่จะทำให้แบรนด์เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ นั่นเป็นเหตุผลที่ทำไมต้องมีแผนการตลาดโซเชียลมีเดียตั้งแต่เริ่มต้น
ที่มา : https://sproutsocial.com/insights/social-media-marketing-strategy/